ประวัติจอห์นซีน่า
จอห์น เฟลิกซ์ แอนโธนี ซีนา (อังกฤษ: John Felix Anthony Cena) เกิดวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1977
ที่ เวสต์ นิวเบอร์รีรัฐแมสซาชูเซตส์ เป็นนักแสดง, นักร้อง, ฮิปฮอป และ นักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน ปัจจุบันเซ็นสัญญาสังกัดสมาคม ดับเบิลยูดับเบิลยูอี ในวงการมวยปล้ำมีชื่อว่า จอห์น ซีนา เป็นแชมป์โลก 13 สมัย (แชมป์ WWE 11 สมัย และ แชมป์โลกเฮฟวี่เวท 2 สมัย) แชมป์ยูเอส 3 สมัย, แชมป์โลกแทคทีม 2 สมัย, แชมป์แทคทีม WWE 2 สมัย และยังเป็นผู้ชนะในศึก รอยัลรัมเบิล ประจำปี 2008 และ 2013
ที่ เวสต์ นิวเบอร์รีรัฐแมสซาชูเซตส์ เป็นนักแสดง, นักร้อง, ฮิปฮอป และ นักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน ปัจจุบันเซ็นสัญญาสังกัดสมาคม ดับเบิลยูดับเบิลยูอี ในวงการมวยปล้ำมีชื่อว่า จอห์น ซีนา เป็นแชมป์โลก 13 สมัย (แชมป์ WWE 11 สมัย และ แชมป์โลกเฮฟวี่เวท 2 สมัย) แชมป์ยูเอส 3 สมัย, แชมป์โลกแทคทีม 2 สมัย, แชมป์แทคทีม WWE 2 สมัย และยังเป็นผู้ชนะในศึก รอยัลรัมเบิล ประจำปี 2008 และ 2013
ประวัติในวงการมวยปล้ำอาชีพ
จอห์น ซีนา ได้ฝึกฝนในสมาคม Ultimate University โดยใช้ชื่อในการปล้ำว่า เดอะ โปรโตไทพ์ หรือ มิสเตอร์พี และได้แชมป์เฮฟวี่เวท ในเดือนเมษายน ปี 2000 และได้แชมป์แทคทีม คู่กับ ริโก คอนสแตนติโน 2 สมัย และในปี 2001 ได้เซ็นสัญญากับ WWE (ภายหลังเปลี่ยนเป็น WWE ในปี 2002 - ปัจจุบัน) ในสไตล์เด็กแร็พและในปัจจุบันในสไตล์ทหาร
จอห์น ซีนา ได้เปิดตัวครั้งแรกวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 2002 ในศึก สแมคดาวน์ และเปิดศึกกับ เคิร์ต แองเกิล ซึ่ง เคิร์ต แองเกิล ได้ขึ้นมาบนเวทีและท้านักมวยปล้ำคนไหนก็ได้ให้ออกมาสู้กับเขาและเป็น จอห์น ซีนา ที่ออกมารับคำท้า และแมตช์นั้นเองคือแมตช์การปล้ำแมตช์แรกของเขาใน WWE สุดท้าย จอห์น ซีนา ก็เป็นฝ่ายแพ้ให้กับ เคิร์ต แองเกิล ไปในที่สุด จากนั้นมา จอห์น ซีนา ก็กลายเป็นขวัญใจของแฟนๆมวยปล้ำ พร้อมทั้งหันไปเปิดศึกกับ คริส เจอริโค และเอาชนะคริส เจอริโค ในศึก เวนเจินส์ (2002) มาได้อีกด้วย ในเดือนตุลาคม จอห์น ซีนา ได้จับคู่กับ บิลลี คิดแมน ร่วมปล้ำในทัวร์นาเมนต์หาแชมป์แทคทีม WWE แต่ก็แพ้ตกรอบแรกไป ทำให้ จอห์น ซีนา โมโห ทำร้าย บิลลี คิดแมน และกลายเป็นฝ่ายอธรรมไปในที่สุด
ในศึก แบคแลช 2003 จอห์น ซีนา ได้มีโอกาสชิงแชมป์ WWE กับ บร็อก เลสเนอร์ ตอนนี้เองที่ จอห์น ซีนา ได้คิดท่าไม้ตาย F-U (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Attiude Adjustment) ซึ่งล้อเลียนท่าไม้ตาย F-5 ของ บร็อก เลสเนอร์ สุดท้าย จอห์น ซีนา ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้ จากนั้น จอห์น ซีนา ก็ไปเปิดศึกกับ ดิอันเดอร์เทเกอร์และเป็นฝ่ายแพ้ให้กับ ดิอันเดอร์เทเกอร์ ในศึก เวนเจินส์ (2003) เมื่อถึงท้ายปี จอห์น ซีนา ก็หันกลับมาเป็นฝ่ายธรรมะอีกครั้ง และได้ร่วมทีมกับ เคิร์ต แองเกิล เอาชนะทีมของ บร็อก เลสเนอร์ ไปได้ ในศึก เซอร์ไวเวอร์ ซีรีส์ 2003
ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 20 จอห์น ซีนา ได้คว้าแชมป์ยูเอส จาก บิ๊กโชว์ และเป็นแชมป์เส้นแรกของเขาในสมาคม WWE หลังจากนั้นก็ทำให้ จอห์น ซีนา เป็นขวัญใจของแฟนๆมวยปล้ำทั่วประเทศและเขาไปดัดแปลงลักษณะของเข็มขัดให้สามารถหมุนได้เป็นที่นิยมของเด็กๆ และ วัยรุ่นเป็นอย่างมาก และหลังจากนั้น จอห์น ซีนา ก็พัฒนาฝีมือการปล้ำได้เยอะเลยทีเดียว
ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 21 จอห์น ซีนา ได้คว้าแชมป์ WWE ครั้งแรกจาก เจบีแอล และเมื่อ จอห์น ซีนา ได้ครองเข็มขัดแชมป์ทั้งสองเส้นนั้น เขาไปดัดแปลงลักษณะของเข็มขัดให้สามารถหมุนได้ เป็นที่นิยมของเด็กๆ และ วัยรุ่นเป็นอย่างมาก ซึ่งดัดแปลงเหมือน แชมป์ยูเอส อีกทั้งตัวเขายังเป็นขวัญใจสาวๆหลายๆคนอีกด้วย ต่อมา ในศึก จัดจ์เมนท์เดย์ (2005) จอห์น ซีนา จะต้องป้องกันแชมป์ WWE กับ เจบีแอล ในแมตช์การปล้ำ I Quit Match สุดท้าย จอห์น ซีนา ก็สามารถป้องกันแชมป์เอาไว้ได้สำเร็จ
ในศึก แบคแลช 2003 จอห์น ซีนา ได้มีโอกาสชิงแชมป์ WWE กับ บร็อก เลสเนอร์ ตอนนี้เองที่ จอห์น ซีนา ได้คิดท่าไม้ตาย F-U (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Attiude Adjustment) ซึ่งล้อเลียนท่าไม้ตาย F-5 ของ บร็อก เลสเนอร์ สุดท้าย จอห์น ซีนา ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้ จากนั้น จอห์น ซีนา ก็ไปเปิดศึกกับ ดิอันเดอร์เทเกอร์และเป็นฝ่ายแพ้ให้กับ ดิอันเดอร์เทเกอร์ ในศึก เวนเจินส์ (2003) เมื่อถึงท้ายปี จอห์น ซีนา ก็หันกลับมาเป็นฝ่ายธรรมะอีกครั้ง และได้ร่วมทีมกับ เคิร์ต แองเกิล เอาชนะทีมของ บร็อก เลสเนอร์ ไปได้ ในศึก เซอร์ไวเวอร์ ซีรีส์ 2003
ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 20 จอห์น ซีนา ได้คว้าแชมป์ยูเอส จาก บิ๊กโชว์ และเป็นแชมป์เส้นแรกของเขาในสมาคม WWE หลังจากนั้นก็ทำให้ จอห์น ซีนา เป็นขวัญใจของแฟนๆมวยปล้ำทั่วประเทศและเขาไปดัดแปลงลักษณะของเข็มขัดให้สามารถหมุนได้เป็นที่นิยมของเด็กๆ และ วัยรุ่นเป็นอย่างมาก และหลังจากนั้น จอห์น ซีนา ก็พัฒนาฝีมือการปล้ำได้เยอะเลยทีเดียว
ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 21 จอห์น ซีนา ได้คว้าแชมป์ WWE ครั้งแรกจาก เจบีแอล และเมื่อ จอห์น ซีนา ได้ครองเข็มขัดแชมป์ทั้งสองเส้นนั้น เขาไปดัดแปลงลักษณะของเข็มขัดให้สามารถหมุนได้ เป็นที่นิยมของเด็กๆ และ วัยรุ่นเป็นอย่างมาก ซึ่งดัดแปลงเหมือน แชมป์ยูเอส อีกทั้งตัวเขายังเป็นขวัญใจสาวๆหลายๆคนอีกด้วย ต่อมา ในศึก จัดจ์เมนท์เดย์ (2005) จอห์น ซีนา จะต้องป้องกันแชมป์ WWE กับ เจบีแอล ในแมตช์การปล้ำ I Quit Match สุดท้าย จอห์น ซีนา ก็สามารถป้องกันแชมป์เอาไว้ได้สำเร็จ
วิดีโอที่ชอบ